หมายเลข 1 ซึ่งแปลว่า เดี๋ยวจะมีหมายเลข 2
—-
3 ปีที่แล้ว เด็กหญิงกษิราตรวจภายในครั้งแรกที่โรงพยาบาลเปาโล สะพานควาย
จริงๆต้องเรียกว่าเป็นการตรวจร่างกายครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ เพราะสวัสดิการบริษัทจัดมาให้
และด้วยความที่แก่แล้ว ก็เลยกลั้นใจตรวจภายในเพิ่มไปด้วย
ประสบการณ์ตรวจภายในครั้งแรก เป็นอะไรที่สะเทือนใจมาก
คือ มันไม่ได้เจ็บปวดอะไร
แต่ด้วยความที่เป็นแผนก check up ทั่วไปมั้ง
มันก็เลยมีนักศึกษาพยาบาลกลุ่มใหญ่ เข้าคลาสเรียนภาคปฏิบัติด้วย
แบบว่า ตอนจะเข้าตรวจน่ะ ก็รีเควสหมอผู้หญิงไป
แต่นี่ไม่ได้คิดไงว่าจะมาในรูปแบบพหูพจน์
… อืม ที่เหลือก็ ขอเชิญนึกภาพตามกันเอาเอง
ผลจากการตรวจภายในครั้งนั้น หมอเขียนไว้แค่สั้นๆ
“พบอาการอักเสบ ควรตรวจซ้ำ
อีกครั้งใน 3 เดือน”
ได้ดิ
แต่กูไม่ไปตรวจกะมึงแน่ๆค่ะอีห่า
—–
หลายเดือนผ่านไป เด็กหญิงกษิราไปตรวจภายในครั้งที่ 2 ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ
ช่วงนั้นจำได้ว่าป่วยอะไรสักอย่างเกี่ยวกับปลายประสาทในสมองอักเสบ และไปที่รพ.กรุงเทพอยู่แล้ว
แถมผลการตรวจครั้งเดิมก็ฝังสมองอยู่ ว่ามึงไม่ปกติเนาะ ก็เลยพ่วงการตรวจภายในไปด้วย
กังวลมาก คาดหวังมาก ตื่นเต้นมาก
และเป็นที่แน่นอนมาก ว่าเด็กหญิงกษิราคงทำบุญมาน้อยมากกับการตรวจภายใน
ประสบการณ์ครั้งที่ 2 นั้น เรียกได้ว่าเหี้ยห่าซาตานกว่าครั้งแรกอีก
ป้าหมอที่ดูเหมือนใจดี กลายร่างเป็นนางมารทันทีที่ฉันเอ่ยปากบอกว่ากำลังกินยาคุม
และไม่ประสงค์จะมีบุตร
โอ้โห องค์ลงป้า
ไม่รู้ป้ามีปมอะไร หรือโกรธอะไรฉันขนาดนั้น
แต่เรียกได้ว่า เป็นการตรวจที่ฉันต้องกัดฟันและนอนน้ำตาไหลตลอดเวลา
ต่อให้มันจะเป็นเวลาไม่ถึงสามนาที แต่นั่นคือสามนาทีที่ทรมานพีคสุดโคตรแล้วของชีวิต
ผลการตรวจออกมาแย่กว่ารอบแรกอีก
“พบเซลล์ผิดปกติ นัดตรวจซ้ำ
ในอีก 2 สัปดาห์”
ในใจตอนนั้นไม่ได้กลัวเซลล์ผิดปกติห่าอะไรเลย แต่กลัวมึงมากค่ะอีป้า นี่กูต้องกลับมาเจอมึงอีกเหรอ
กลับบ้านแทบนอนร้องไห้ แต่ป่วยก็ต้องรักษา ก็คิดซะว่าเจอป้าอีกครั้งเดียวพอ
อีก 2 สัปดาห์ กลับไปหาป้าอีกครั้ง
ขอบคุณสวรรค์ ป้าจำฉันไม่ได้ ตอนนี้ป้าอยู่ในร่างหมอใจดี
ทำการทดลองเล็กๆ ด้วยการปั้นหน้าน่าสงสาร แล้วถามป้าหมอว่า ..หนูจะมีลูกได้ไหมคะ
โอ้โหหหห องค์ลงป้าอีกแล้ว
รอบนี้เป็นองค์เทวี นางฟ้านางสวรรค์ นางแม่พระจากสามโลก
ป้าใจดีมาาากกกกก มากกกกก ก.ไก่ล้านตัว
เหมือนครั้งที่แล้วเป็นแค่ฝันไป
แต่ป้าใจดีไม่ได้ช่วยอะไร ผลการตรวจของฉันยังคงออกมาไม่ดี
พบติ่งเนื้อนั่นนี่นู่นนั่น สารภาพว่าจำอะไรไม่ค่อยได้
จำได้แค่ว่าหมอจัดการจี้ออกให้ เจ็บปวดทรมาน และป้าหมอก็นัดฉันตรวจซ้ำอีกที
โอเค ได้ แต่ไม่ใช่กับป้าแน่นอน
—-
จากประสบการณ์สุดประทับใจทุกครั้งที่ผ่านมา ทำให้ฉันหลีกเลี่ยงการตรวจภายในมาตลอด
ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองมีอะไรผิดปกติ แต่มันกลัวไปแล้ว กลัวมาก ไม่อยากเสี่ยงกับหมอไหนอีกแล้ว
หนีหมอมาสองปี ในที่สุด เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทของฉันก็ส่งไปตรวจสุขภาพประจำปีอีกแล้ว
คราวนี้ไปที่สมิติเวชสุขุมวิท โรงพยาบาลที่ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะไป เพราะไกล และแพง
กลั้นใจลงตรวจเพิ่มไป และภาวนาขอให้เจอหมอใจดีสักทีเถอะชีวิต
ไม่รู้ว่า 2 ปีที่ผ่านมาทำบุญมามาก หรือหมดกรรมแล้ว
คราวนี้เจออาจารย์หมอสุนี ซึ่ง ใจดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
โฮหห น้ำตาไหลพราก หมอดีมาก น่ารักมาก พยาบาลก็ดีมาก มาก มาก มาก
นอกจากตรวจภายในแล้ว ก็มีตรวจอัลตราซาวด์เพิ่มเพื่อความชัดเจน ซึ่งหมออัลตราซาวด์ก็ดีมากเช่นกัน
แต่ไม่ว่าทุกอย่างจะดีมากแค่ไหน ผลตรวจของฉันก็ยังคงไม่ดีเหมือนเดิม
“พบเนื้องอกขนาด 3x4x5 mm. และมีน้ำในมดลูก
นัดตรวจซ้ำใน 2 เดือน”
คุณหมอบอกว่า เนื้องอกอ่ะ เฉยๆ จิ๋วๆ ถ้ามันไม่เติบโตก็อยู่กับมันไปเนาะ
แต่น้ำในมดลูกนี่ หมอไม่รู้จริงๆว่ามันคืออะไร
ไม่ต้องกังวลนะคะ เอาเป็นว่าหมอขอตรวจซ้ำเพื่อความสบายใจ อีกสองเดือนมาเจอหมอใหม่นะ
หมอพูดกับฉันเมื่อเดือนมกราคม
ฉันไปหาหมออีกที ..เมื่อวาน
—-
3 มิถุนายน 2016
ทำใจมาครึ่งปี ครั้งนี้ไม่ได้กลัวหมอแล้ว แต่กลัวผลตรวจ
ฉันเดินเข้าโรงพยาบาลไป ด้วยความเข้าใจว่าแค่ follow up ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ (พยาบาลบอก)
ป้าหมอสุนียังคงน่ารักและใจดีเหมือนเดิม
คุณป้าหมอใช้เวลาระลึกเคสของฉันอยู่พักใหญ่ ส่งตรวจ และทำอัลตราซาวด์ซ้ำอีกครั้ง
ภาพที่ออกมา เนื้องอกของฉันยังนอนนิ่งๆ เป็นก้อนกลมๆ น่ารักอยู่ที่เดิม โตขึ้นจึ๋งนึง แต่ไม่ได้น่าวิตก
น้ำในมดลูกที่หมอกังวล ก็ยังคงอยู่ที่เดิม
แถมเพิ่มเติมด้วยปริมาณที่มากขึ้น เพิ่มตำแหน่งอีกบริเวณคอมดลูก
และเพิ่มซีสอ้วนๆที่รังไข่ด้านขวา
ป้าหมอกุมขมับ
นี่คือการตรวจซ้ำครั้งที่สอง และครั้งนี้ป้าหมอบอกฉันว่า มันสุดขอบเขตหน้าที่ของหมอแล้ว
หมอจำเป็นต้องส่งเคสของฉันลงไปที่คลีนิคสตรีซึ่งจะเป็นหมอเฉพาะทางที่ดูแลฉันต่อให้
ใจแป้ว
ด้วยความที่ไม่รู้ว่าไอ้สิ่งที่เจอคืออะไร ร้ายแรงไหม ก็เลยไม่ได้กลัวอะไรมาก
แต่ที่กลัวคือ ..เปลี่ยนหมออีกแล้วเหรอ นี่บุญที่ทำมาคือหมดแล้วใช่ไหม
ป้าหมอดูจับสีหน้ากังวลได้ เลยนั่งสอนและวาดแผนผังมดลูกอธิบายฉันอยู่พักใหญ่
นั่งเขียนคำแปลบนใบผลตรวจให้ฉันทีละบรรทัด
อธิบายละเอียดถึงระดับที่เขียนระบุข้างๆ ขนาดเนื้องอกและน้ำที่พบให้ด้วยว่า 10 มม. = 1 ซม. นะคะ
โฮหห หมออย่าดีมากได้ไหม นี่ฉันต้องเปลี่ยนหมอจริงๆใช่ไหม
….
เดินวิตกลงมาข้างล่าง
ใช้แบตมือถือที่เหลือไลน์แจ้งพี่หนู (เจ้านายที่รัก) ว่าขอเข้าออฟฟิศบ่ายเลยละกันนะคะ ท่าทางจะยาว
โดยที่ตอนนั้นไม่รู้เลยว่า ไอ้ท่าทางจะยาว มันยังยาวได้มากกว่านั้นอีก
….
รอคิวข้างล่างสักพัก พยาบาลก็เรียกไปพบคุณหมอคนใหม่
คราวนี้เป็นแพทย์หญิง หน้าตาน่ารัก ชื่อคุณหมอสิริธร
ขอบคุณสวรรค์ หมอใจดีอีกแล้ว
คุณหมออ่านผลที่ส่งลงมา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ฉันตอบฉะฉาน ละเอียด คล่องแคล่ว เพราะตอบมาแล้วสามรอบ
คุณหมอฟัง ดูผล แล้วขมวดคิ้ว
จากนั้นก็หันมาวาดแผนผังมดลูกให้ฉันดูอีกรอบ
วันนี้ฉันเห็นรูปมดลูกที่วาดด้วยฝีมือหมอสองคนมาแล้ว 4 รูป
แถมด้วยโมเดลมดลูกจำลองอีก 1 ก้อน รูปจากไอโฟนหมออีก 3 รูป
หมออธิบายภาพอัลตราซาวด์ให้ฉันฟังอีกครั้ง
วงก้อนเนื้องอก ที่หมอบอกว่าไม่น่าเป็นอะไร
วงก้อนซีสที่รังไข่ด้านขวาที่เพิ่มขึ้นมา แต่ก็ยังไม่น่ากังวล
วงก้อนกระเปาะน้ำในมดลูกทั้งสองจุด แล้วก็บอกว่า เนี่ยแหละ พระเอกของวันนี้
หมอบอกว่า ปกติอาจารย์สุนีจะไม่ค่อยส่งใครลงมา ถ้าไม่กังวลจริงๆ
ขอหมอตรวจภายในอีกทีได้ไหมคะ
ได้ดิ อยากทำไรทำเลยค่ะ
ตรวจเสร็จ หมอบอกว่ามานั่งคุยกันหน่อย
สิ่งที่หมอเจอ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องปกติ แต่หมอฟันธงไม่ได้ ยังไงก็คงต้องตรวจแล็บเพิ่ม
อธิบายขั้นตอนการตรวจรักษา ความน่าจะเป็นต่างๆ วาดรูปมดลูกให้ฉันดูอีกรอบ
และอื่นๆ อีกมากมาย
“เดี๋ยวต้องไปไหนต่อไหมคะ”
ก็ มีประชุมตอน 6 โมงเย็นค่ะ อยากตรวจอะไรเพิ่มเหรอคะ
“กินอะไรมารึยัง”
อ่า.. มื้อสุดท้ายคือเมื่อคืนค่ะ นี่หิวมากเลย หมอตรวจแล้วได้ยินเสียงท้องร้องเหรอคะ
หมอหัวเราะ แล้วยิ้มให้
ถามฉันว่า งั้นให้จบไปเลยวันนี้มั้ย หมอสัญญาว่าไม่เจ็บ
หือ.. ไม่เจ็บ?
ในใจตอนนั้นคือ เอาเลย อยากทำไรทำเลย ขอแบบไม่ต้องมาบ่อยๆแล้ว ไม่เอาแล้ว
หมอก็ดีใจหาย โทรล็อคคิวโน่นนี่วุ่นวาย แล้วหันมาบอกฉันว่า ได้ละ จองให้บ่ายโมงครึ่ง เดี๋ยวไปเจาะเลือดเลยนะคะ
เดินไปเจาะเลือด เอกซ์เรย์ วิ่งข้ามตึกไปมาด้วยความสตรองมาก
กลับมาพร้อมกับเข็มน้ำเกลือที่มือก็ยังไม่รู้สึกเอะใจอะไรทั้งสิ้น
จนกระทั่งพยาบาลเอาเอกสารวิสัญญีมาให้เซ็น
….
นั่นคือนาทีแรกที่เพิ่งเข้าใจว่า กำลังจะขูดมดลูก
จริงๆหมอบอกมาตลอดนั่นแหละ แต่ไม่มีอะไรเข้าสมองเลย
ไม่มีจนพยาบาลเอาเอกสารมาให้เซ็นและนั่งอธิบายทีละหน้านั่นแหละ ว่าฉันกำลังยินยอมอะไรอยู่
มีเวลาแป๊บเดียวที่จะบอกคนรอบตัวให้รู้
แล้วอุปกรณ์สื่อสาร กระเป๋า และทุกสิ่งอย่างก็ถูกยึดไปใส่ล็อคเกอร์
บุรุษพยาบาลเข็นฉันไปส่งอีกตึก
ขานชื่อกับพยาบาล เปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บผมใส่หมวกเขียว แล้วก็เดินตามต้อยๆ ไปห้องใหม่ที่ฉันไม่รู้จัก
“เคยเข้าห้องผ่าตัดมาก่อนไหมคะ”
น่าจะเพราะหน้าตาฉันเหวอมาก หรือดูเอ๋อมากก็ไม่รู้
“นี่ห้องผ่าตัดเฟิร์สไทม์เลยค่ะ”
ได้ยินเสียงตัวเองตอบกลับไป
ได้ยินเสียงพยาบาลหัวเราะกลับมา
ความรู้สึกทุกอย่างเหมือนกำลังดูซีรีย์ เหมือนดูหนัง
เหมือนดูอะไรสักอย่างที่ถ่ายผ่านมุมกล้องของตัวแสดง
ล้มตัวนอนบนเตียง พยาบาลเอากระปุกมาให้ถอดคอนแทคเลนส์ แล้วก็ติดอะไรเย็นๆที่หน้าอก
หนีบนิ้ว ใส่น้ำเกลือ ใส่ปลอกวัดความดัน
แล้วก็ครอบออกซิเจน
“หมอจะให้หลับแล้วนะคะ หายใจเข้าลึกๆนะ”
เข้า ออก เข้า ออก …
—-
รู้สึกตัวอีกที 4 โมงเย็น
คุณหมอมาเยี่ยม ยิ้มให้ และแจ้งว่าให้รอผลตรวจอีกทีสัปดาห์หน้า
แล้วหมอก็แจ้งเพิ่มอีกว่า ฉันความดันสูงผิดปกติ
ฉันนอนฟังแบบไม่แปลกใจอะไร ก็ไม่เชิงว่ารู้อยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่ามันอันตรายอะไรมากกว่า
หมอถามว่ารู้ตัวอยู่แล้วหรือเปล่า
ฉันก็ตอบไปตามตรงว่า วัดทีไรก็ 130 กว่าทุกครั้ง
heart rate ก็อยู่ที่เฉลี่ย 90+ ตลอด ถ้าออกกำลังกายก็มีพุ่งไปถึง 200 บ้าง
แต่ก่อนก็มีอาการเจ็บหน้าอก ปวดหัวใจ แต่ก็ไม่เคยตรวจอะไร
หมอพยักหน้า แล้วบอกว่าที่นอนสลบอยู่นิ่งๆนี่ ความดันมันพุ่งไป 150-160 / 110+ ตลอดเวลา
สำหรับคนอายุเท่านี้แล้วถือว่าไม่ปกติเอามากๆ
เดี๋ยวมาครั้งหน้า หมอจะส่งไปตรวจไตกับคาร์ดิโอเพิ่มอีก
ส่วนวันนี้ ให้กลับบ้านไปนอนและนอนอย่างเดียว อย่าขยับตัวมาก และเลือดจะไหลไปอีกสองสามวัน
โอเค มาเลย จะเป็นอะไรเพิ่มอีกก็มาเลย
ส่วนสองสามวันนี้ก็คิดซะว่ามีเมนอีกรอบแล้วกัน
—-
สิ่งแรกที่ทำหลังจากออกมาจากโรงพยาบาล คือโทรหาแม่
พยายามเล่าเพลินๆ เปื่อยๆ ขำๆ ข้ามๆ ไปบ้าง
คือเข้าใจว่ายังไงแม่ก็คงเป็นห่วง แต่ตอนนี้ร่างกายก็ยังสบายดี
ออกจะตื่นเต้นกับประสบการณ์ที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวมากกว่า
พ้นจากการโทรหาแม่ ก็คือรายงานตัวกับทุกคน
จากความตั้งใจที่จะไปตรวจแค่ครึ่งชั่วโมง กลายเป็นว่าหายไปทั้งวัน
รู้สึกได้เลยว่าติดค้างคำอธิบายกับทุกคนไว้เยอะมาก ทั้งเพื่อนร่วมทีม และลูกค้าที่โทรมาหารัวๆ
ไม่มีแรงอธิบายอะไรเมื่อวาน เพราะถ้าจะเล่า มันก็ต้องเล่ายาาววว แบบที่เขียนมาทั้งหมดด้านบน
Note อันนี้เขียนไว้เป็นบันทึกให้ตัวเอง และเขียนไว้เผื่อใครอยากรู้ว่ากษิราเป็นอะไร
ไม่มีอันไหนละเอียดเท่านี้แล้วแหละ ถ้าอ่านจบนี่ปรบมือให้เลย
ขอบคุณทุกๆ ความเป็นห่วง ของทุกคนนะคะ
กษิรา (ยัง) สบายดี และพอรู้ผลอาทิตย์หน้าแล้ว คงมีหมายเลข 2 มาเล่าให้ฟัง
ขอบคุณลูกลิงทุกตัว ที่ส่งคำอวยพรมาถึงแม้จะทิ้งงานไว้ให้แบบกะทันหัน
ถ้าเลือกได้ อยากไปอยู่ในรูปกับทุกคนมากกว่าห้องผ่าตัดแหละ
Comments are closed.