สืบเนื่องจากบล็อกที่แล้ว
กษิราเพิ่งเขียนรีวิวประสบการณ์ทำเลสิคของตัวเองที่โรงพยาบาลยันฮีไป น้องสาวสุดที่รักผู้ทำเลสิคไปก่อนหน้าเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เลยคันปากอยากเล่าประสบการณ์ของตัวเองที่ไปทำมาจากอีกที่หนึ่งบ้าง จึงเป็นที่มาของบล็อกนี้ค่ะ

บล็อกนี้เขียนและนำเหนอประสบการณ์จริงโดย หมีอิ่ม: อะไรดีอิ่มก็ว่าดี
เปิดวาร์ปให้ตามนี้ https://www.facebook.com/ImmSayVeryGood/

หากมีข้อสงสัยอยากเม้ามอยอะไร เชิญตามไปที่เฟซบุคเพจของนางได้เลย
พร้อมแล้ว เริ่ม..


ประสบการณ์เลสิค..สู่ขิตไปเลยจ้าแม่ 😂

คำเตือน: 

  1. ใครที่คิดจะทำ(จริงๆ) ข้ามไปเลย เดี๋ยวจะสยอง
  2. เป็นข้อมูลสำหรับคนตาตี่ ชนิดที่ว่ายัดคอนแทคเลนส์ไม่เข้า แต่อยากทำเลสิค..เอาไว้เตรียมใจเนอะ
  3. ใครอยากอ่านเอามัน..ตามสบาย

 

เห็นพี่เกศเล่าปศก. เลสิคของนางแบบทุ่งลาเวนเดอร์มาก

เลยอยากจะเล่าในฝั่งของตัวเองบ้างงงว่าชั้นอาจเป็นกลุ่มคนโชคร้าย ที่โดนสาปไว้ ให้พบแต่เจ็บช้ำ~~~

 

เกริ่นก่อนว่าเป็นมนุษย์ตาตี่มาก… ☺

เคยไปให้หมอประเมิน หมอบอกทำไม่ได้อะ ตาตี่เกิน ไปทำตา 2 ชั้นก่อนมะ…

 

นี่เลยไม่คิดจะไปปรึกษาที่ไหนต่อเลย และก็ใส่แว่นมาตลอด 20 กว่าปี
(ใช่สิ เพราะตาชั้นยัดคอนแทคเลนส์ไม่เข้านิ)

 

พอดีว่าคุณพี่สาวจู่ๆ นางก็ไปทำเลสิกที่โรงพยาบาลลาดพร้าว

นางทำจนเสร็จแล้วแหล่ะ จนวัน follow up ก็นั่งรอกัน2คน
นางก็เลยมาเม้าท์ๆ ว่า

“ลองไปตรวจดิ ตรวจฟรี อย่างน้อยก็วัดสายตาฟรี”

 

เห็นแก่ของฟรีเนอะ..ยังไงก็ทำไม่ได้ ตาตี่ขนาดนี้ ก็เลยไปตรวจ โอย คนน้อยพอดีเลย แหม่ๆ โชคดีจิ๊งงง พับผ่า..

ก็เลยไปเดินเรื่อง ทำประวัติโน่นนี่ แล้วมานั่งรอหมอเรียก

ระหว่างนั้นเค้าก็ใช้กดไลค์เพจ แชร์คอนเท้นต์ แลกกับตรวจตาฟรี…

 

ได้ตรวจกับคุณหมอ รศ. นพ. อัมพร จงเสรีจิตต์ เป็นผอ. ศูนย์โรคตาด้วยนะ…(อันนี้มารู้ที่หลัง) ไม่ได้อ่านรีวิวหรือศึกษาใดใดเลย ไม่รู้ว่าดีไม๊ อะไรยังไง แล้วตังค์กุน่ะมีไม๊ ~~~~

 

คุมหมอก็ตรวจด้วยเครื่องเหมือนเครื่องวัดสายตาแหล่ะ แล้วก็ให้นอนเอาไฟส่องตาหน่อยนึง พร้อมกับบอกว่า

ตาแห้งนิดหน่อย กระจกตาบางนะ ถ้าทำก็ไม่มีสิทธิ์แก้นะ

(หมายถึงถ้าสั้นอีกรอบก็กลับไปใส่แว่นเด้อ)

 

เดี๋ยวผ่าบ่ายนี้เลย…

.

.

หะ หมออออออออออ ตาเล็กขนาดนี้ก็ทำได้หรอคะ

คุณหมอก็บอกว่า..ก็เล็กแหล่ะ นี่เล็กสุดที่หมอเคยทำละ แต่ทำได้นะ อะ ไปกินข้าว แล้วกลับมาตอนบ่ายนะจ๊ะ..

.

เดินงงๆ ออกมาจากห้อง

เดินไปบอกแม่ว่า แม่หมอนัดทำบ่ายนี้เลย
ตกใจทั้งบ้าน ว่าอะไร จู่ๆ ก็ทำเลสิค (แน่สิ)

ส่วนพี่สาวชั้น หัวเราะร่าเริง เย่ๆ น้องกุเจ็บตัวแล้ววว

เดินไปจ่ายเงิน แล้วก็ไปกินข้าว สระผม (ทำแล้วจะสระผมเองไม่ได้)
รอเวลาเชือด…ยังงงไม่หาย

 


หลังจากไปกินข้าว ก็กลับมารอที่เดิม

ไปวัดสายตา วัดความดันลูกตา (เกลียดมาก) วัดโน่นนี่
เสร็จแล้วก็เรียกเหล่ามนุษย์ขึ้นเขียงมารวมตัวกัน

คุณพยาบาลจับหยอดยาขยายม่านตาทีละคนๆ

ใครมี่ม่านตาขยายเร็วสุดก็ได้เข้าไปก่อน คือเราไม่รู้เลยว่าจะคิวตัวเองเมื่อไหร่ ลุ้นทุกวินาทีที่พยาบาลเดินออกมา..

รอไปเด่ะ..จนเป็นกรุ๊ปสุดท้าย ถึงได้เข้าไปเตรียมตัวจริงๆ
โบกมืออำลาพ่อแม่พี่ เดินใจตุ๊มต่อม เข้าห้องอบรม

พยาบาลก็จะมาอธิบายวิธีล้างตา วิธีทำคร่าวๆ
(ตอนนั้นไม่มีใจจะฟัง เพราะเหม็นเท้าตัวเองมาก)

แล้วก็เช็คอีกทีว่าม่านตาเปิดยังงงงงง
ถ้ายังไม่มีวี่แววก็นั่งมองหน้าเพื่อนกันต่อไป..

ระหว่างรอคนทำกรุ๊ปก่อนหน้า และม่านตาขยาย
ก่อนทึ่เราจะมองไม่เห็นไปมากกว่านี้ คุณพยาบาลก็ให้เราไปเปลี่ยนเสื้อ ล้างหน้ารอ

.

พอเสร็จคนนึง คนรอที่เหลือก็ร้อง ฮือออออออออออ

.

พยาบาลก็เดินมาตรวจเรื่อยๆ ว่าโอเคยังๆ 
มาหยอดยาชา มาโน่นนี่…

 

จนเหลือ 3 คนสุดท้าย..

มองหน้ากันเลิ่กลั่ก มึงก่อนสิ มึงไปก่อนนนนนนน

.

แล้วพยาบาลก็เดินมาบอกว่า “คิวต่อไปนะคะ”

ยิ้มแห้งเลยกู… 

 

พอคนก่อนหน้าออก

ชั้นร้อง ฮรือออออออ ดังสุดเลยจ้า

ก่อนจะโดนหยอดยาชาครั้งสุดท้ายแล้วพยาบาลจูงเข้าไปในห้อง 
มีเตียง มีไฟ มีหมอ มีพยาบาลเยอะมากเลย คร่าวๆ ไม่ต่ำกว่า 6 คน

.

หมอบอกว่า “ไม่ต้องกลัว มองไฟเขียวๆ ไว้นะ”

พยาบาลยัดบอลนุ่มนิ่มใส่มือ “กลัวก็บีบแรงๆ เลยนะคะ”

.

จากนั้นก็ใส่เครื่องถ่างตา ที่เป็นขาๆ อะ

“เล็กมากเลย เจ็บนิดนึงนะ”

“เอาสำลีมาหน่อย เลือดออก” (หะ)

“อยู่นิ่งๆ อย่าขยับนะเดี๋ยวเครื่องมือดีด” 

 

เสร็จแล้วหมอก็ล้างตาจ้าาาา

เอาน้ำหยอดดดดดดด แล้วนี่คือต้องเบิ่งตารับรู้ตลอดเวลา
เอาเบตาดีนทาไปครึ่งหน้า แล้วจากนั้นก็ถึงช่วงเผาจริง

 

มีเครื่องมือมาจุ๊บที่ตา แล้วหมอก็บอกว่าจะตึงๆ หน่อยนะ
จะเปิดกระจกตา จะมืดนะ ทำตานิ่งๆไว้นะ 

แล้วก็พรึ่บ ตาบอดไปข้างนึง แล้วอีเครื่องมือที่จุ๊บคือดูดแรงมากแม่ ร้องงือๆๆ 

“ตานิ่งไว้ๆๆๆ อย่าขยับๆๆๆ มองบนอีกนิดๆๆ” (มองยังไง มองไม่เห็นนนนน)

“นับถอยหลัง 40 วินาที พร้อมครับ!!!”

..มีเสียงบุรุษพยาบาลนับเลขเป็น bg…

 

พยาบาล “อดทนอีกนิดเดียวค่ะ!!!”

หมอ “นิ่งไว้ๆ ตาเล็กมากเลย จ้องไฟไว้ๆๆๆๆ”

กู “งือออออออออออ”

5 4 3 2………1

 

กู๊จะขาดใจ…นี่เพิ่งข้างเดียวนะ…😭😱😭😱

เสร็จแล้วหมอก็ปิดกระจกตาคืน แปะๆๆ อะโลกสดใส(แบบมัวๆ) อีกครั้ง…

 

ต่อไปข้างซ้าย..

 

หมอ “แบบเดิมเลยนะ”

พยาบาล “อดทนนะคะ ไม่ต้องร้องไห้นะคะ”

.

.

ใช่ค่ะ ดิฉันร้องไห้ น้ำตาไหล เลยต้องล้างตากันใหม่

แล้วคือ รู้แล้วไงว่าจะเจอกับอะไร คือกลัวมากเลย
อยากจะบอกว่าไม่เอาแล้วๆๆๆ มือบีบบอลแทบแตก

ยังไม่ทันได้หายใจก็เข้าลูปเดิม

แต่คราวนี้เจ็บมากกกก

อีเครื่องจุ๊บมันจุ๊บหนังตาไปด้วย คือได้เลือด (อีกแล้ว) อะ

ครั้งนี้อีก 40 วิ ซึ่งมันทรมานมากเลยนะ

ร้องงือๆๆๆ ตลอดเวลา เพราะ

  1. เจ็บที่เครื่องมันดูดหนังเข้าไป คือเจ็บมาก
  2. มองไม่เห็นไฟ กลัวตาเคลื่อน
  3. ความดันพุ่ง น้ำตาไหล พยาบาลต้องมาจับมือ

 

และความซวยก็มาเยือน

“อุ้ย เครื่องมือหลุด…”

.

.

หาาาาาาาาาาาา แงงงงงงงงงงงงงงง

ชิบหายยยยยยยยยยยยยยยยยยย😱😱😱

 

อีเครื่องถ่างตามันหลุด!!!

ทำให้เครื่องจุ๊บขยับ!!!!

ทำให้ตำแหน่งมันไม่พอดี!!!

แล้วมันยังต้องจุ๊บอยู่ (เหลือไม่กี่วิฯ แหล่ะ)

 

หมอเลยต้องรีบเอาออกแล้วก็ปิดกระจกตาแบบแมนน่วล

โดยการเอาไม้พาย(มั้ง) มาตบๆ แปะๆ ที่ลูกตา..

โดยที่มีนางพยาบาลถ่างตาชั้นอยู่ T T

 

เสร็จแล้วหมอก็ตรวจๆ ดูแล้วก็บอกว่า

“เสร็จละ เดี๋ยวไปคุยกะหมอข้างนอกนะ”

 

ออกจากห้องผ่าตัดเสร็จ ก็เดินไปส่องตาอีกที

  • หมอบอกว่าทั้ง 2 ข้างเป็น 0 นะ เอียงก็ไม่มีแล้ว
    แต่เนื่องจากสายตาเราเอียงมากมาก่อน ดังนั้นมันจะไม่ชัดเป๊ะนะ แต่ก็ไม่ต้องใส่แว่นแหล่ะ
  • ตาซ้ายถลอก หมอใส่คอนแทคฯ ครอบไว้ให้กระจกตาปิดสนิทพรุ่งนี้มาเอาออกนะ

 

เอนจอยยัวนิวไลฟ์… (หมอไม่ได้บอก)

 

พยาบาลก็เข็นชั้นออกมาให้พ่อแม่ ซึ่งชั้นนั้นหน้าตามู่ทู่มาก

มันเจ็บบบแผล เจ็บตา มันวุ้นๆ มันงง
กลับบ้านก็หลับเลยไม่ต้องพึ่งยา เพราะเพลียมากจริง
กินพาราฯ ไปเม็ดนึงด้วย กันไข้ กันปวด

 

ตื่นมา ร้องจ๊ากกก!!!!!!

แม่จ๋าาาาา ลืมตาไม่ด้ายยยยยยย

คือขี้ตาเขร่อะ เป็นปึกเลยแล้วมันเหนียวปิดตา
ลำบากแม่ตื่นมาเปิดตาลูกตอนดึกไปอี๊กกกกกกก

 

กลับมาบ้าน 3 วันแรก ทำได้แค่

  • เช็ดขี้ตา
  • แดกยาแก้ปวด
  • หยอดยาแก้อักเสบ หยอดน้ำตาเทียมปริมานมาก
  • นอนเป็นผัก เพราะมองไรไม่เห็น
  • อ้อนพ่ออ้อนแม่อ้อนผัว

 

แผลที่พบนอกจากแผลตาฉีกที่มุมตาแล้ว
ลูกตาขาวห้อเลือดเป็นวงแดง (จากเครื่องจุ๊บ) เลยจ้าาา

นี่จ่ะ สภาพตาข้างที่จุ๊บมันหลุด

น่ากลัวมากกกกกกกก หมอบอกมันจะหายไปเอง
ก็ใส่แว่นกันแดดเป็นแอ็ด คาราบาวไปเดือนกว่าๆ 😎

ส่วนกลางคืนแม่ต้องมานอนด้วยเพราะนี่จะคันตา แล้วจะขยี้ตาตลอด แถมดึงที่ครอบตาออกด้วยนะ (ไม่รู้ตัวเองจริงๆ สาบาน)

จากนั้นพอเริ่มดีขึ้น ก็ต้องไปใช้ชีวิตปกติ
มองไรไม่ชัดไปเป็นเดือน โดยเฉพาะไฟ จะเห็นเป็นแสงพุ่งๆ ลำบากตอนทำงานมาก เพราะใช้คอมฯ ทำงานงิ

จะดูสี ดูอะไรก็ต้องถอดแว่นตาดูงิ

สรุปคือทำให้หายช้ากว่าชาวบ้านเขาน่ะแหล่ะ…

..ดังนั้นใครที่ทำเสร็จแล้วต้องพักตามากๆนะ..

สุดแสนเศร้าใจ ได้แต่อ้อนแม่อ้อนผัวไปวันๆ

 

จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ 2 ปีแล้วที่ไม่มีแว่น

มองเห็นชัดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

แต่รวมๆ ชีวิตก็ดีขึ้นอะแหล่ะ ชั้นแค่อาจจะซวยเองจริงๆ…

 

โจ๊บบบบบบบบ


 

หมายเหตู: สรุปรวมค่ารักษาที่นี่ 35,000 บาท 

ส่วนใครอยากอ่านเวอร์ชั่นกษิรา เลสิค ณ ยันฮี ขอเชิญตามไปเสพได้ที่บล็อกก่อนหน้านี้เลย >>

รีวิว: โลกใหม่ใน 1 วัน กับการทำเลสิคที่โรงพยาบาลยันฮี

Share: