ย้อนกลับไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา อยู่ดีๆ กษิราก็ผุดปณิธานประจำปีขึ้นมาเฉยๆ

นั่นแหละ เป็นอะไรที่คิดขึ้นมาในใจ และกะว่ากว่าจะได้ทำตามที่ตั้งใจไว้ อย่างเร็วก็คงจะช่วงหยุดยาวสงกรานต์เมษา ไม่ก็สักเดือนตุลา อะไรประมาณนั้น

ตัดภาพมาอีกที ยังไม่ทันจะพ้นเดือนกุมภา

กษิราทำเลสิคเรียบร้อยแล้วจ้าา 😅

มาไว เคลมไว แบบไม่ได้ทันตั้งตัวเตรียมใจอะไรเลยเด้อ

พอตัดสินใจไปทำก็พบว่า มีเพื่อนๆ สนใจอยากมาทำเลสิคที่นี่เยอะเลยแฮะ แล้วมันก็มีรายละเอียดอะไรจุ๊กจิ๊กอีกพอสมควร ที่ เอ่อ.. ไม่รู้ก็ได้ แต่รู้ไว้ก็ดี ก็เลยคิดว่ามาเขียนรีวิวไว้ดีกว่า เผื่อใครคิดอยากไปทำเลสิคที่นี่ จะได้มีข้อมูลไว้เผื่อเตรียมตัวก่อนไปเนอะ 


ขั้นตอนที่ 1: นัดคิวกับโรงพยาบาล

สำหรับใครที่อยากมาทำเลสิคที่โรงพยาบาลยันฮี ขอแนะนำให้นัดคิวกับโรงพยาบาลก่อนมานะฮะ 

วิธีนัดก็ง่ายมาก เด้งไปนัดใน Facebook ของนางได้เลยจ่ะ ตามลิงก์นี้
https://www.facebook.com/YanheeHospital.YH

แจ้งแอดมินว่า อยากทำเลสิคค่ะ  แล้วแอดมินจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมค่าใช้จ่าย ถ้าตัดสินใจว่าทำแน่ๆ แล้ว ก็ให้รายละเอียดข้อมูลส่วนตัวไป เค้าจะทำประวัติไว้ให้พร้อมเลย พอไปถึงโรงพยาบาลเค้าก็จะเตรียมเอกสารทุกอย่างไว้ให้เราแล้ว สะดวกมาก ไวมากกก

ปล. แอดมินในเฟซบุคใช้ชื่อว่า นานา นะจ้ะ มีความเก๋น่ารัก 

ที่คลีนิค จะมีคุณหมอเลสิค 2 ท่านค่ะ คือ

  1. นพ. เกรียงไกร องคนิกูล หยุดทุกวันอาทิตย์
  2. พญ. ปฐมานุช ตัณฑวิเชียร (ธรินทร์วรคุปต์) หยุดทุกวันเสาร์

ถ้ามีคุณหมอในใจแล้ว ให้แจ้งที่แอดมินระบุชื่อแพทย์ไปได้เลยค่ะ แอดมินจะจองคิวแบบระบุคุณหมอให้เลย ของเราจองคิวคุณหมอเกรียงไกรผู้โด่งดังค่ะ

✏เรื่องควรรู้ก่อนนัดคิวรพ.

  • ตรวจตาเพื่อทำเลสิค มี 2 แบบค่ะ คือตรวจไว้ก่อน ค่อยนัดทำวันหลัง อันนี้ผลจะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือนนะ ถ้านานกว่านั้นก็ตรวจใหม่อีกรอบจ้า
  • ถ้าใจสู้ อยากทำเลยในวันเดียวกันก็ย่อมได้ แต่หลังจากทำแล้ววันรุ่งขึ้นคุณหมอจะนัดมาตรวจอีกครั้ง ดังนั้นหากบ้านไกล หรือขี้เกียจเดินทาง หรือไม่มีคนพากลับบ้านในวันนั้น แนะนำว่า จองห้องพักที่โรงพยาบาลต่อได้เลยค่ะ 
  • ห้องพักรพ. ราคาคืนละ 1,000 บาท พักได้ไม่เกิน 3 คน
    สิ่งอำนวยความสะดวกคือ ทีวี / wifi / ผ้าเช็ดตัว 2 ผืน / หมอน 2 ใบ / ผ้าห่ม 1 ผืน
    ไม่มีสบู่แชมพูใดๆ ให้นะคะ โปรดเอามาเองจ้า
  • ที่บอกว่าควรรู้ก่อน เพราะตอนจองกับแอดมิน หากต้องการที่พัก ให้แจ้งเค้าไปเลย
    แอดมินจะได้จองห้องพักให้ด้วยค่ะ

แน่นอนว่า มนุษย์บางนาอย่างอิฉัน เมื่อรู้ว่าต้องหอบร่างไปจรัญสนิทวงศ์สองวันติดกัน ก็เลือกจองห้องพักเลยแบบไม่ลังเลค่ะ 🛏

ห้องพักก็ไม่ไก่กาเด้อ ดีอยู่ 
แต่ หมอนและเตียงแข็งมากแม่ ใครติดความนุ่มนิ่มควรพกมาเองเลย ไม่ต้องเขิน บางคนมาเป็นกระเป๋าเดินทาง ส่วนอีนี่..เอาตุ๊กตามานอนกอดด้วยเลยจ้า

lasik yanhee
ห้องนอนจ้ะ เปิดให้เข้าหลังเที่ยง เตียงหกฟุต แอร์เย็นฉ่ำ ผ้าห่มนุ่ม แต่เตียงและหมอนแข็งปั่ก
มีทีวี กับโต๊ะกินข้าว (ไม่มีจานชามให้ยืมนะคะ) น้ำมีให้สองขวด แก้วมีสองใบ
ห้องน้ำค่ะ ที่อาบน้ำเป็นฝักบัว มีน้ำอุ่น ..ที่อุ่นช้ามากกกกกก แต่ก็อุ่นนะ

ขั้นตอนที่ 2: เตรียมตัวก่อนทำเลสิค

อ่ะ เมื่อนัดคิวจองห้องเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็คือการเตรียมใจและร่างกายให้พร้อมค่ะ

หลักๆ เลยก็จะมี

  • หยุดใส่คอนแทคเลนส์ล่วงหน้าเลยอย่างน้อย 1 อาทิตย์ จริงๆ ข้อนี้คงรู้ดีกันอยู่แล้ว แต่อยากย้ำไง ถอดรอเลย ถอดนานๆ พักตาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
  • ตาห้ามแห้ง พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ ใครรู้ตัวว่าตาแห้งมาก (อย่างเรา) หยอดน้ำตาเทียมรอเลยค่ะ เราใช้ Vislube วันละสามเวลาล่วงหน้าเกือบสองอาทิตย์ไปเล้ย 
  • หากคุณเป็นโรคซึมเศร้าและทานยาต้านเศร้าอยู่ ต้องปรึกษาคุณหมอเจ้าของเคสให้ยินยอมให้สามารถทำได้นะคะ และหยุดยาก่อนทำเลสิคอย่างน้อย 1 เดือนค่ะ ส่วนเราหยุดยาต้านเศร้ามาเกิน 1 ปีแล้ว รอดค่ะ

ขั้นตอนที่ 3: วันพบหมอ (และอาจจะเป็นวันผ่าด้วย..)

นี่คือวันพีค

ทุกสิ่งที่คุณเตรียมใจมา มันจะมาจี๊ดที่สุดเอาวันนี้
จะตรวจสภาพตาผ่านมั้ย จะได้ทำเลสิคหรือเปล่า ทำแล้วจะเจ็บมั้ย บลาๆๆๆ ในหัวจะทะเลาะกันเองไม่หยุด คืนก่อนหน้าเรียกได้ว่านอนไม่หลับเลยดีกว่า

เอาสิ่งที่ควรรู้ทีละเรื่องละกันนะ

1. การเดินทาง 🚝

ถ้าขับรถมาเอง เปิดกูเกิลแมพแล้วขับตามมาเลยค่ะ ไม่ยาก ที่จอดรถโรงพยาบาลเยอะมาก อยู่ใกล้ๆ ศูนย์อาหาร อันนี้ขอไม่รีวิว เพราะเรามารถไฟฟ้า

กรณีมารถไฟฟ้า (แบบเรา) ก็จะหฤหรรษ์นิดนึง 

  • ถ้ามาจาก BTS ให้ลงสถานีหมอชิต หรือ อโศก หรือ สีลม ก็ได้ สถานีไหนก็ได้ที่สามารถเชื่อมต่อไป MRT ได้ค่ะ
  • ขึ้น MRT มุ่งหน้าสถานีปลายทาง บางอ้อ 
  • พอขึ้น MRT แล้ว จะต้องมาเปลี่ยนขบวนที่สถานีเตาปูน 1 ทีนะคะ มีการย้ายชั้นนิดนึง เพราะชานชาลาอยู่คนละฝั่ง และคนละชั้นกัน แต่ยังเป็น MRT อยู่ค่ะ
    จากเตาปูน ต่อมาอีก 2 สถานี จะถึงสถานีบางอ้อ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเราค่ะ มา edit ตรงนี้ออก เพราะว่าเดือนมี.ค. แล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนแล้วจ้ะ นั่งยาวมาเลย
  • ถึงบางอ้อ ออกทางออกที่ 4 เดินมาหน่อยเดียวก็ถึงรพ.ค่ะ 

จากลิสต์การเดินทางด้านบน จุดที่ยากที่สุดจะอยู่ตรงเตาปูนค่ะ เพราะตอนที่เราไปสถานียังไม่เสร็จเรียบร้อย ป้ายบอกทางก็เลยจะงงมากหน่อย แนะนำให้ถามเจ้าหน้าที่ไปตามทางว่า บางอ้อไปทางไหนคะ บางอ้อขบวนไหนคะ บางอ้อค่ะบางอ้อ ..เดี๋ยวก็เจอ #นี่ถามมาตลอดทางเลย

2. เวลาที่ควรมาถึง 🕗

อ่ะ นี่ก็สำคัญ

เราเลือกจองคิวกับคุณหมอเกรียงไกรค่ะ ก่อนวันนัด 1-2 วัน ทางรพ.จะโทรมาคอนเฟิร์มอีกครั้งนึง ซึ่งช่วงเวลาที่ทางโรงพยาบาลแจ้ง คือคุณหมอจะตรวจ 8:00 – 10:00 น. ค่ะ 

เมื่อคุณมาถึง เจอเจ้าหน้าที่ด้านล่างสุด ถ้าเราจองออนไลน์มาเค้าจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว และพาเราขึ้นมาศูนย์เลสิคชั้น 4 อย่างรวดเร็ว พร้อมรับคิวได้เลย

คนไข้ใหม่ที่เตรียมตรวจและทำเลสิคในวันนั้นๆ จะได้ คิว A พร้อมหมายเลขคิวค่ะ
ส่วนคนไข้ follow up (ทำไปเมื่อวาน หรือเดือนก่อน) จะได้ คิว B

ตอนที่เราไปถึง เป็นเวลา 9:00 น. ได้คิว A28 .. ส่วนคิว B รันไปถึงสามสิบกว่าแล้ว
เดี๋ยวนะ.. เพิ่งจะเก้าโมงงงงงงงงงง พวกแกรรีบเหรออออออออ

เลสิคยันฮี

เอาล่ะทีนี้ คำแนะนำจากเราก็คือ ถามตัวเองค่ะ ว่า อยากผ่ารอบเช้า หรือผ่ารอบบ่าย

  • ถ้าอยากผ่ารอบเช้า รีบทำ รีบกลับบ้าน ควรมารับคิวให้ทันภายใน 10 คิวแรกค่ะ
    เนื่องจากคุณหมอจะตรวจคนไข้ทั้งเก่าและใหม่ ถึงประมาณ 10:45 น. เท่านั้น และเริ่มผ่าเลสิคให้คนไข้คิวแรก (A01) เวลา 11:00 น. ค่ะ ซึ่ง รอบเช้า คุณหมอจะผ่าแค่ประมาณ 10 เคส  ที่เหลือจะยกไปเป็นรอบบ่ายทั้งหมดค่ะ คนไข้รอบเช้า จะผ่าเสร็จประมาณไม่เกิน 12:30 น. เรียบร้อยแล้วก็กลับบ้าน หรือขึ้นห้องพักได้เลย 
  • ดังนั้น คนที่อยากได้คิวผ่ารอบเช้า แนะนำให้มารับบัตรคิวเร็วหน่อยนะคะ
    คลีนิคเปิดเวลา 7:00 น. และเปิดให้รับบัตรคิวตั้งแต่ประมาณ 6:30 – 6:45 น. ค่ะ (มิน่าล่ะ ชั้นมาเก้าโมงถึงซัดไปเกือบสามสิบคิวแล้ว)
  • ส่วนคนที่ไม่ซีเรียสว่ารีบไปไหน จริงๆ เราแนะนำว่าผ่ารอบบ่ายก็ดีนะคะ มีเวลาพักไปกินข้าว ทำใจก่อนขึ้นเขียงด้วย กลุ่มบ่ายก็จะตรวจเสร็จภายใน 11 โมง ก่อนคุณหมอเริ่มผ่ารอบเช้าค่ะ จากนั้นก็ไปกินข้าวเที่ยงก่อนได้เลย และขึ้นมารอเตรียมผ่าอีกทีหลังเที่ยงครึ่งค่ะ

ขั้นตอนที่ 4: การตรวจต่างๆ

เมื่อมาถึงและได้คิวเป็นที่เรียบร้อย ช่วงนี้ถ้าพาญาติมาด้วย ให้ญาติไปเดินเล่นรอ กินขนมรอได้เลยค่ะ เพราะจะใช้เวลาค่อนข้างนาน

หลังจากเราลงทะเบียน วัดความดันครั้งที่หนึ่ง เราจะได้รับบัตรคิวพร้อมแฟ้มเอกสาร 1 เล่ม ซึ่งอธิบายขั้นตอนการตรวจและการทำเลสิคแบบต่างๆ (ตามภาพที่เรากอดแฟ้มอยู่ด้านบนนั่นแหละ) หน้าที่ของเราก็คือศึกษาข้อมูลในแฟ้มนี้แก้เหงาระหว่างรอคิวเรียกตรวจ 

แต่ละขั้นตอนก็จะแยกเป็นห้องๆ รอเรียกคิวเข้าไปทีละห้อง ส่วนมากเจ้าหน้าที่จะเรียกทีละ 2 คิวแล้วอธิบายรายละเอียดพร้อมกันทีเดียวค่ะ จะได้ไม่ต้องพูดหลายรอบ
คร่าวๆ ก็จะมีตามนี้

ห้องแรก: วัดสายตาด้วยเครื่อง Auto (ที่ส่องแล้วเห็นรูปบอลลูน) และวัดความดันตา (เป็นเครื่องที่มีลมพ่นตาฟู่ๆ ข้างละสองสามรอบ)

ห้องที่ 2: วัดกระจกตา ด้วยเครื่องอะไรสักอย่าง ห้องจะมืดๆ ให้เอาคางวางบนเครื่อง แล้วจ้องแสงกระพริบๆ สีเหลืองๆ สักพักจะมีแสงเหมือนแฟลชจ้าๆ จ้ามากกก แฟร๊บบ โดนไปสองข้างแล้วก็ออกมานั่งตาพร่าอยู่ข้างนอก

ห้องที่ 3: วัดความโค้งกระจกตา (OPD scan) จริงๆ เครื่องหน้าตาคล้ายๆ กันหมด เอาคางวาง แล้วจ้องแสง อิเครื่องที่สามนี่แสงจะอลังการกว่าชาวบ้าน เป็นแสงสีน้ำเงินเกลียวๆ ม้วนๆ จ้องไปเรื่อยๆ เหมือนโดนสะกดจิต ตาพร่าอีกรอบ

ห้องที่ 4: ดูจะเป็นห้องที่ปกติที่สุดละ อันนี้เหมือนวัดสายตาประกอบแว่น ถึงจุดนี้เค้าจะบอกเราว่าสายตาที่วัดได้เราเป็นเท่าไหร่ และสัมภาษณ์ว่าที่เคยใส่คอนแทคเลนส์มาคือเท่าไหร่ แล้วก็ให้เราส่องตัวอักษร / ตัวเลข แถวล่างสุด ที่เล็กที่สุดดู ว่าชัดไหม อันไหนดีกว่า ฯลฯ เหมือนวัดแว่นเลยอ่ะ แค่ไม่มีแว่นให้ทดลองใส่แค่นั้น

ห้องที่ 5: พบคุณหมอแบบส่วนตัว เพื่อฟังผลว่าทำได้หรือไม่ได้
หลังจากวัดทุกด่านมาหมดแล้ว ผลทั้งหมดของเราจะถูกส่งมาให้คุณหมอประเมินว่าทำเลสิคได้ไหม คุณหมอจะเรียกเข้าไปในห้อง และอ่านผลจากแฟ้มของเราที่เดินทางมาแล้วทุกห้องให้เราฟัง (ลุ้นมาก) เช่น ความดันตา 19 ทั้งสองข้าง ปกตินะครับ / กระจกตาปกติ / ตาไม่แห้งเกินไป ฯลฯ และคุณหมอจะส่องตาเราเพื่อตรวจต้อเป็นขั้นตอนสุดท้าย หากไม่มีต้อใดๆ คุณหมอก็จะประกาศว่าเราสามารถทำเลสิคได้ค่ะ เย้!!🤣

ถ้าผ่านมาถึงด่านนี้ พยาบาลจะพาเราไปอีกห้อง เพื่อหยอดยาฆ่าเชื้อ และยาชา เพื่อตรวจจอประสาทตาอีกนิดหน่อย ก่อนจะปล่อยเราออกมาเตรียมเซ็นยินยอมผ่าตัดค่ะ

ห้องที่ 6: อบรมรวมโดยคุณหมอเกรียงไกร
ขอบอกก่อนว่า ห้องอบรมรวมนี้ อาจจะแทรกเข้ามาระหว่างขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งจากที่พูดมาทั้งหมดข้างต้นได้เลยค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นเรากำลังทำอะไรอยู่ เพราะคุณหมอจะว่างคุยกับทุกคนแค่ช่วงเดียวเท่านั้น คือประมาณเกือบๆ 10 โมง ถึงจุดนั้นใครทำอะไรอยู่ก็ตาม ก็จะถูกพาเข้าไปนั่งรวมในห้อง เพื่อให้คุณหมอคุยด้วยพร้อมกันทีเดียว อย่างของเรานี่ เราได้ฟังคุณหมออบรมก่อนจะได้วัดสายตาและเจอตัวต่อตัวในข้อที่แล้วแหละ

คุณหมอเกรียงไกรเป็นคุณหมออาวุโสที่ใจดีมากกกก อธิบายละเอียดชัดเจน คุณหมอจะขออนุญาตและขออภัยคนไข้ทุกคนก่อนเลยที่ต้องมาคุยพร้อมกัน เนื่องจากจำนวนคิวเยอะมาก หากคุยทีละคนด้วยเรื่องเดียวกัน บ่ายสามก็คงไม่ได้เริ่มผ่าจ้ะ ดังนั้นมาฟังด้วยกันน่ะดีแล้ว

ประเด็นหลักๆ ก็คือการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด การตรวจของหมอ สาเหตุที่บางคนทำเลสิคได้และไม่ได้ (ส่วนมากจะเป็นเรื่องความดันตา หรือกระจกตาไม่ปกติ) รวมถึง “ขั้นตอนการทำเลสิค อย่างละเอียด” คือหมออธิบายละเอียดมากกก มากจนเห็นภาพ #กูกลัวแล้วจ้า อันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าดีหรือไม่ดี คิดซะว่าดีก็แล้วกัน

ในห้องอบรมรวมนี้ คุณหมอจะแจ้งคิวผ่าให้ทุกคนทราบค่ะ ว่ารอบเช้าคุณหมอจะผ่าได้ถึงคิวที่เท่าไหร่ อย่างวันที่เราไป รอบเช้าจะได้ถึงคิวที่ A13 เพราะมีคนที่ตรวจแล้วทำเลสิคไม่ได้ด้วย ส่วนคิวที่หลังจาก A13 ไป หมอก็จะเชิญไปกินข้าวพักใจแล้วเจอกันอีกทีตอนบ่ายได้เลย

เซ็นยินยอม และชำระเงิน: จ่ายแล้วนะ กลับลำไม่ได้แล้วนะ 💳
หลังจากเราได้รับคำยืนยันจากหมอว่าทำได้ เราก็จะได้รับเชิญไปจ่ายตังค่ะ
ตรงนี้ สำหรับคนที่จองห้องพักด้วยให้แจ้งเจ้าหน้าที่เลยนะคะ เค้าจะรวมค่าใช้จ่ายและแจ้งเบอร์ห้องพักให้เราค่ะ

เคาท์เตอร์ชำระเงินอยู่ใกล้ๆ กับจุดที่เซ็นยินยอม สามารถชำระเงินได้ทั้งบัตรเครดิตและเงินสด (มีโปรผ่อน 0% หลายธนาคารอยู่นะ ถามเค้าได้เลย) หลังจากนั้น ใบเสร็จค่าทำเลสิคเค้าจะเก็บไว้ก่อน และให้เราอีกครั้งพร้อมกับถุงยา หลังจากผ่าเสร็จแล้ว ส่วนใบเสร็จค่าห้องพัก เค้าจะให้เรามาเลย เพื่อเอาไปเบิกกุญแจห้องพักค่ะ
ห้องพักจะอยู่ที่ชั้น 10 นะคะ สามารถเอาใบเสร็จไปเบิกกุญแจได้ตั้งแต่หลังเที่ยงเป็นต้นไป เราเบิกก่อนเลยเพื่อเอาของและตุ๊กตาไปเก็บค่ะ แหะๆ 

พักทานข้าว: ที่รพ. มีร้าน S&P / ครัวคุณป้า / กาแฟอเมซอน ที่ชั้น 1 นะคะ 
แต่เราออกไปกินตรงตลาดนัดข้างรพ.ค่ะ มีเซเว่นและก๋วยเตี๋ยวต่างๆ สะอาด อร่อย ราคาไม่แพงจ้ะ 🍜


ขั้นตอนที่ 5: ขึ้นเขียง

ไม่รู้จะบรรยายยังไงถึงจะอธิบายความรู้สึกในใจตอนนี้ได้หมด…

เรากินข้าวเสร็จ ขึ้นมาแสตนด์บายรอตั้งแต่ 12:30 ค่ะ เข้าใจว่าเค้าคงเรียกช้า เพราะรอบบ่ายเริ่มตั้งแต่คิวที่ 14 ส่วนเราตั้ง 28 น่าจะมีเวลาเตรียมใจ

แต่เปล่าเลย มาถึงเรียกเข้าเลยจ้า…

ในโซนนั้น ญาติห้ามเข้านะคะ มีของติดตัวอะไรให้ฝากญาติไว้ด้านนอกให้หมด อนุญาตให้นำมือถือไปเล่นระหว่างรอได้ค่ะ 

พอเข้าไปแล้ว เค้าจะเปิดวีดีโอสอนวิธีการเช็ดทำความสะอาดตาด้วยน้ำเกลือ เพื่อให้เรากลับไปทำเองที่บ้านได้ เปิดวนไปวนมาแปดร้อยกว่ารอบ ดูจนจำขึ้นใจอ่ะ 
ระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่ก็จะทยอยเรียกคิวไปทีละสองคน เพื่อไปล้างหน้าและเตรียมผ่าตัดค่ะ

จุดนั้นพูดเลยว่าโคตรตื่นเต้น 😭

ความดันเราพุ่งไป 150 เลยจ้า คือกลัวมากจริงๆ แต่หน้านี่นิ่งมากนะ เหมือนไม่กลัวแต่กลัวมาก ถ้ามาใกล้ๆ จะรู้ว่ามือสั่น เหงื่อออกเต็มมือไปหมด

สุดท้ายเค้าก็เรียกเรา ตอนนั้นเวลาประมาณเกือบๆ บ่ายสอง
อย่างแรกที่ต้องทำ คือล้างหน้าและรอบดวงตาให้สะอาดค่ะ เค้าจะมีเจลล้างหน้าเซตาพิลเตรียมเอาไว้ให้ ล้างไปเลยสองรอบค่ะ เพราะเราจะไม่ได้เอาน้ำมาโดนหน้าอีกนาน ล้างเผื่อไว้เลย

ล้างหน้าเสร็จ เจ้าหน้าที่จะให้เราใส่ชุดเขียว เตรียมเข้าห้องเชือด

เลสิคยันฮี
ใจสั่นมากเด้อ

ตอนนั้นภาวนาอย่างเดียวว่าอย่ามาวัดความดันชั้นนะ เดี๋ยวหมอไม่ให้ผ่า TT____TT

หลังจากนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ คุณพยาบาลจะทยอยเดินหยอดตาให้ทีละคนตามคิวค่ะ
เริ่มจาก

  • ยาหดเส้นเลือด หยดแล้วตาขาวเราจะขาวปิ๊งแบบไร้เส้นเลือดเลย น่ากลัวดี
  • ยาฆ่าเชื้อ อิอันนี้จะขมคอหน่อยๆ
  • ยาชา..

อิยาชาเนี่ย มันจะแสบเบาๆ ค่ะ พยาบาลจะเตือนด้วยว่า แสบนิดนึงนะคะ
ส่วนถ้าถามเรา.. อืมมมม ถ้าใครเคยใช้ยาหยอดตาแบบเย็นของญี่ปุ่นมาบ้าง จะพบว่าอิของญี่ปุ่นอ่ะ แสบกว่าเย๊อะะะะ อันนี้คือกระจอก อย่าเรียกว่าแสบ ให้เรียกว่ามันเย็นกว่าปกติเฉยๆ

จากนั้นก็นั่งรอค่ะ รอมันหน้าห้องปฏิบัติการเลย 

ใจเราจะระทึกมาก เพราะเราจะเห็นแค่แสงไฟทะลุกระจกห้องผ่าตัดมาแค่นั้น ว่าเดี๋ยวเปิด เดี๋ยวปิด แล้วคนไข้ก่อนหน้าเราก็จะเดินออกมา แล้วคนถัดไปก็เดินเข้าไป ไฟเปิด ไฟปิด วนไปอยู่อย่างนี้

ตื่นเต้นจนหัวใจจะวายแล้วโว้ยยยยยยยยยยย

นั่งเรียงกันอยู่ตรงนั้นคือเงียบสนิท ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ แต่ในใจคืออยากกระโดดกอดคนข้างๆ มาก แบบ มึงงง ช่วยกูด้วยยย บีบมือกูหน่อยยย อะไรแบบเนี้ย T T
จนกระทั่งพี่พยาบาลเดินมาหยอดยาชารอบสอง แล้วหันมาถามเราว่าหยอดหรือยัง อีนี่ก็ทำสายตาวิงวอนแล้วบอกพยาบาลว่า

หยอดแล้วค่ะ หยอดอีกก็ได้นะคะ หยอดมาเยอะๆ เลยค่ะ

ทุกคนตรงนั้นขำก๊ากกันหมดเลย T T นั่นแหละ ตรงนั้นถึงหายเงียบ
ก็กลัวอ่า แงงง

สุดท้ายก็ถึงคิวเราค่ะ..

ก่อนเข้าห้อง พยาบาลจะมาหยอดยาฆ่าเชื้อ และยาชาให้อีกรอบ
และไม่ถึงห้านาที ก็จะเป็นคิวเราเข้าไป

ห้องเล็กกว่าที่คิดมาก

เข้าไปถึง คนที่คิวก่อนหน้าเราจะลงมาแล้ว และนั่งให้คุณหมอตรวจตาก่อนว่าผ่าตัดเรียบร้อยดีไหม ส่วนเรา จะมีเจ้าหน้าที่จัดที่ให้ขึ้นเตียงเลย

เดี๋ยวๆๆๆๆๆ ไม่ให้กุทำใจหน่อยเหรออออออออ

.. ไม่จ่ะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก 
พูดเลยว่า เวลาทำใจก่อนเข้าห้องผ่า คือช่วงเวลาสุดท้ายแล้วค่ะ

พอขึ้นเตียงปั๊บ แป๊บเดียวเท่านั้น คุณหมอจะมาจัดหัวของคุณให้เข้าที่ และให้คุณจ้องไฟกระพริบสีเขียวเล็กๆ ..ซึ่งเล็กมาก เล็กจริงๆ เล็กจนกลัวจะมองผิดที่ 

คุณหมอจะอธิบายขั้นตอนการทำและพูดกับเราตลอดเวลา ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มมาก ใจเย็นมาก อ่อนโยนมาก ตรงข้ามกับ Heart rate ของเราซึ่งดีดแรงจนจะทะลุออกมาแล้ว

  • ล็อคตาไว้กับแสงไฟนะครับ อย่าขยับนะ นิ่งๆ นะ
  • เริ่มจากข้างซ้าย หมอจะปิดผ้าไว้เหลือแต่ตานะครับ (โอเค กุกัดปากละ หมอไม่เห็น)
  • ใส่ suction ครอบตา ป้องกันการกระพริบตานะครับ ตึงๆ นิดนึงนะครับ
  • เปิดกระจกตานะครับ ตรงนี้จะมีเสียง ไม่ต้องตกใจนะครับ / แซร๊บบบ (กุตกใจแล้วโว้ย)
  • มืดแปปนึงนะครับ ปกติครับ
  • โอเคตรงนี้จะเบลอๆ จ้องไฟไว้นะครับ จะยิงเลเซอร์นะครับ / ฉ่าาาาา (มีกลิ่นไหม้ด้วยแม่จ๋า)
  • เรียบร้อย หมอจะปิดกระจกตานะครับ ปิดแล้วครับ อันนี้หมอล้างตาจะเย็นๆ นะครับ
  • เสร็จแล้วครับ กระพริบตาถี่ๆ หลับตาได้ครับ
  • เปลี่ยนข้างครับ
  • แล้วก็วนแบบนี้อีกรอบที่ข้างขวา

ทั้งหมดทั้งปวงนั้น รวมระยะเวลาไม่ถึงห้านาทีถ้วน
ห้านาทีที่ยาวนานเหมือนห้าชั่วโมงเลยเว้ยแกกกกกกกกกกก แม่งน่ากลัวมากกกกก

คือ คนอื่นอาจจะไม่กลัวนะ แต่นี่คือปอดแหกมาก มือสั่นตลอดเวลา 
รู้ว่ามีเครื่องถ่างตาไว้อยู่ แต่ความรู้สึกตัวเองเหมือนกระพริบตาตลอดเวลาอะ กลัวจนพอลุกจากเตียงมา หันไปถามพยาบาลว่า ขอเป็นลมได้รึยังคะ… #พยาบาลขำกูอีกไง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่มีความรู้สึกเจ็บใดๆ เลย

ย้ำ ไม่ เจ็บ เลย

ไม่ตึง ไม่แสบ ไม่เจ็บ ไม่คัน ไม่เคือง ไม่มีอะไรทั้งสิ้น

มีแค่กลัว กล้วล้วนๆ กลัวแบบควบคุมตัวเองไม่ได้ กลัวแบบความดันพุ่งไป 170 (พยาบาลกรี๊ดลั่น)

หลังลงจากเตียง มันจะเบลอๆ แต่รู้สึกได้เลยว่าเห็นชัดขึ้นแล้วนะ แต่เหมือนมีวุ้นๆ บังตาอยู่
หมอจะให้เรามานั่งเอาคางเกยเครื่องแล้วส่องตา เพื่อดูผลการผ่าตัดอีกรอบ พร้อมกับแจ้งว่าเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ ก่อนจะปล่อยเราออกจากห้อง

วินาทีที่เดินออกจากห้องคือเรามองเห็นแล้ว หันไปเห็นคิวต่อไปนั่งเครียดอยู่หน้าห้องแล้ว (ส่งกำลังใจให้นะเธอ) คุณพยาบาลจะพาเราไปถอดชุด เปลี่ยนรองเท้า แล้วก็ใส่ที่ครอบตาอุลตร้าแมนให้ ก่อนจะแจกยาและอธิบายวิธีการกินยาให้ฟัง จากนั้นก็เรียกบุรุษพยาบาลเอารถเข็นมารับ ถ้ากลับบ้าน เค้าก็จะพาไปส่งที่รถ ถ้านอนนี่ เค้าก็จะเข็นไปส่งถึงหน้าห้องที่เราจองไว้ เป็นอันจบพิธีกรรมค่ะ


ขั้นตอนที่ 6: หลังเลสิค

ยาที่เราได้มา จะประกอบไปด้วย

  1. ชุดสำลี น้ำเกลือ และเทปสำหรับแปะที่ครอบตา
  2. พารา 1 แผง และยานอนหลับ (diazepam) 
  3. วิตามินบำรุงดวงตา
  4. ยาฆ่าเชื้อ (หยอดตา 4 เวลา) และน้ำตาเทียม Vislube 1 กล่อง

คำแนะนำแรกจากพยาบาล คือขึ้นห้องไปแล้ว กินยาแก้ปวดกับยานอนหลับเลย หลับให้พ้น 6 ชั่วโมงแรกให้ได้ หลับหนีความจริงไปเลยค่ะ เพราะพอยาชาหมดฤทธิ์แล้วคุณจะเจ็บ น้ำตาจะไหล จะปวดระบม อะไรต่ออะไร ดังนั้น หลับค่ะ 

โอ้โห กลัวสิคะคุณ

แล้วยานอนหลับให้อะไร ให้ Diazepam …
คือหม๊อออออ อิชั้นกินตัวนี้แล้วไม่หลับอ่าาา ในใจคือกรีดร้องดังมากเพราะรู้ว่ากินตัวนี้แค่ไหนก็ไม่หลับ (เคยเทสต์ยานอนหลับมาแล้ว 5 ขนาน ต้องโดน Rivotril เท่านั้นถึงหลับ) แต่ก็นั่นแหละ รับยามาด้วยความคิดที่ว่า เออ พยายามหลับเองก็ได้วะ

แล้วคือไง กินยาไปก็ไม่หลับจริงๆ T T

แต่พอถึงจุดที่ยาชาหมดฤทธิ์จริงๆ มันก็ไม่เจ็บขนาดนั้นนะ..

คือจะว่าไงดีล่ะ มันจะความรู้สึกประมาณเคืองตา เหมือนเวลาลมพัดแรงๆ แล้วฝุ่นเข้าตาอ่ะ มีความเคืองๆ รำคาญๆ แต่ไม่ได้เจ็บแสบทรมานอะไรขนาดนั้น น้ำตาก็ ไหลมาสองหยดถ้วน.. ไม่ได้เจิ่งนองทะลุที่ครอบตาแบบที่ใครๆ ว่ากัน จนนี่สงสัยว่าผิดปกติหรือเปล่าวะ นี่รอให้เจ็บอยู่นะ 

สรุปก็ไม่เจ็บ 😉

ทำเลสิคเสร็จเวลาเกือบๆ บ่ายสาม กินพารากับยานอนหลับ กลิ้งคร่อกแคร่กๆ ไปถึงหกโมงเย็น ก็ลุกขึ้นมากินข้าว 

อ้อ ห้องพักรพ.มีบริการรูมเซอร์วิสนะจ้ะ โทรสั่งอาหารขึ้นมาส่งได้ เรียกแกรบเรียกไลน์แมนให้มาส่งถึงหน้าห้องเลยก็ยังได้ ส่วนเรากับแม่สั่งอาหารรพ. ขึ้นมานี่แหละสะดวกดี (ข้าวผัดมันกุ้งอร่อยมากเลย) 

ทำเลสิค ศูนย์เลสิคยันฮี
แฮร่

ขั้นตอนที่ 7: วันรุ่งขึ้น – Follow up ก่อนกลับบ้าน

ความสะดวกอีกอย่างของการนอนที่รพ.เลย คือคุณสามารถตื่นลงไปรับบัตรคิวที่ชั้น 4 ได้ตั้งแต่ก่อน 7 โมง

ค่ะ อิชั้นลงไปรับบัตรคิวตอน 6:35 และได้คิวมาเป็นคิวที่ 7…

โอ้โหหหห นี่คิวแรกมันตื่นกี่โมงวะเนี่ยยยยยยย

พอลงไปตอน 7 โมงที่คลีนิคเปิด ก็เจอคนมารอคิวเต็มแล้ว คิว A เริ่มรันไปแล้วหลายคิว
เออ จ้ะ.. ย้ำอีกทีละกันนะว่าอย่ามาเกิน 9 โมง เค้ามากันเร็วจริงๆ ค่ะคุณ

ส่วนเรา แค่ follow up ก็จะไม่มีอะไรมาก 
เค้าจะพาไปตรวจสายตาอีกที ซึ่งตอนนี้ค่าสายตาเราเป็น 0 แล้ว และคุณหมอก็จะมาส่องตา ตรวจความเรียบร้อยนิดหน่อย ก็กลับบ้านได้ค่ะ นัด follow up อีกที 1 สัปดาห์ / 1 เดือน และ 3 เดือน ส่วนตอนนี้ก็ใส่แว่นดำไปก่อน อย่าสู้แสงมาก และใส่ที่ครอบตาตอนนอน ป้องกันตัวเองเผลอขยี้ตาแค่นั้น แล้วก็ใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข


ปิดท้ายด้วยค่าใช้จ่าย

สรุปค่าใช้จ่ายในการทำเลสิคที่ยันฮีให้ตามรายละเอียดด้านล่างค่ะ

  1. ค่าทำเลสิค 2 ข้าง 38,700 บาท
    – รวมตรวจตาก่อนว่าทำได้ไหม (ถ้าทำไม่ได้ เฉพาะค่าตรวจอยู่ที่ 500 – 1,000 บาทค่ะ)
    – รวมค่ายาหลังผ่าตัด
    – รวมค่าบริการและเครื่องมือแพทย์
  2. ค่าห้องพัก 1 คืน 1,000 บาท
  3. ค่าตรวจ follow up วันรุ่งขึ้น 200 บาท
    และครั้งต่อๆ ไปก็น่าจะราคานี้ตลอดค่า

จบแล้วจ้ะ 😂

เป็นบล็อกที่เขียนยาวที่สุดตั้งแต่เคยเขียนมา

หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่เตรียมตัวอยากทำเลสิคที่นี่ได้บ้างนะคะ อยากรู้อะไรเพิ่มเติมกระซิบมาถามเราในเฟซบุคส่วนตัวได้เลย ยินดีตอบทุกคำถามถ้าสามารถตอบได้ค่า

เราเชื่อว่าทุกคนจะผ่านมันไปได้ ถ้าอิขี้กลัวนี่ผ่านพ้นมาได้โดยไม่หัวใจวายคาเตียง จะใครก็คงรอดหมดแล้วอ่ะ

ขอให้มีโลกใบใหม่ที่สดใสโดยทั่วกันน๊า 😘❤


บล็อกข้างเคียง: 

รีวิว: โลกใบใหม่ของณัฐนรี กับการทำเลสิคที่โรงพยาบาลลาดพร้าว

Share: